Movie Review and Storyline: I Am Mother (2019)

รีวิวหนัง I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่


Movie Review and Storyline: I Am Mother (2019)



ข้อมูลหนัง


ประเภทหนัง:  ดรามา, ลึกลับ, ไซ-ไฟ และระทึกขวัญ


ผู้กำกับ:  Grant Sputore


นักเขียน:  Michael Lloyd Green และ Grant Sputore


นักแสดงนำ:  Luke Hawker, Rose Byrne และ Maddie Lenton





เรื่องย่อ


I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ของมนุษย์ เมื่อระบบบังเกอร์อัตโนมัติได้รับการออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูประชากรมนุษย์กลับมาอีกครั้ง ดรอยด์ที่ชื่อว่า Mother ได้รับหน้าที่ในการเพาะตัวอ่อนมนุษย์และเลี้ยงดูจนกลายเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยใช้เวลาหลายปีในการดูแลเธอราวกับลูกแท้ๆ เมื่อเวลาผ่านไป เราได้เห็นเด็กสาววัยรุ่นที่ถูกเรียกว่า Daughter กำลังช่วยซ่อมแซมมือของ Mother ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยบทเรียนที่ Mother ถ่ายทอดให้ Daughter โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมและศีลธรรมที่ซับซ้อน  ทั้งนี้ Mother ยังเตือน Daughter ถึงการสอบสำคัญที่จะมาถึงและย้ำถึงข้อห้ามในการออกนอกบังเกอร์ โดยให้เหตุผลว่าโลกภายนอกยังคงมีการปนเปื้อนที่อันตราย อย่างไรก็ตาม Daughter เริ่มรู้สึกสงสัยในสิ่งที่เธอได้รับการสอนมา โดยเฉพาะเมื่อเธอพบหนูตัวหนึ่งที่อาจมาจากโลกภายนอก สัญญาณนี้ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของเธอเริ่มจุดประกาย นำไปสู่การตั้งคำถามกับสิ่งที่เธอเคยเชื่อมาตลอดและความสัมพันธ์อันเปราะบางระหว่างเธอกับ Mother รับชมหนังฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก ได้แล้ววันนี้



ในขณะที่สำรวจห้องปรับอากาศในบังเกอร์  Daughter ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงที่บาดเจ็บจากโลกภายนอก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเห็นใจ เธอจึงแอบให้ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้เข้ามาในบังเกอร์ โดยต้องสวมชุดป้องกันอันตรายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับจาก Mother  แต่เมื่อเริ่มสอบถามถึงเรื่องการปนเปื้อนที่โลกภายนอก ผู้หญิงกลับบอกว่าไม่มีการปนเปื้อนตามที่ Mother เคยกล่าวไว้ การถกเถียงกันลุกลามเป็นการแย่งชิงอาวุธ ดึงดูดความสนใจของ Mother ที่เข้ามาปลดอาวุธผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะพาเธอไปที่ห้องพยาบาลตามคำขอของ Daughter ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธการรักษาจาก Mother  โดยกล่าวว่าหุ่นยนต์เช่นเธอเป็นตัวการที่ไล่ล่ามนุษย์ ทำให้เธอต้องซ่อนตัวในเหมืองพร้อมกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ  Daughter จึงเป็นคนช่วยผ่าตัดรักษาบาดแผลให้แทน หลังจากสังเกตเห็นความผูกพันระหว่าง Daughter กับผู้หญิงคนนี้  Mother จึงทำการทดสอบ Daughter ด้วยคำถามทางจิตวิทยา และเมื่อ Daughter ผ่านการทดสอบ  Mother ได้ให้รางวัลเธอด้วยการให้เลือกตัวอ่อนหนึ่งตัวเพื่อเลี้ยงดู



อย่างไรก็ตาม  Mother เผยให้ Daughter ทราบว่ากระสุนในบาดแผลของผู้หญิงคล้ายกับอาวุธของเธอเอง ซึ่งชี้ว่าผู้หญิงไม่ได้ถูกยิงโดยหุ่นยนต์  Daughter พยายามเผชิญหน้ากับผู้หญิงเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้ แต่สุดท้ายเธอกลับค้นพบว่า Mother โกหก รวมถึงความลับที่น่าตกใจว่าเธอไม่ใช่ลูกคนแรกของ Mother  แต่เป็นลูกคนที่สาม และ Mother ได้ฆ่าลูกคนก่อนหน้าเพราะสอบตก  Daughter จึงพยายามหลบหนีออกจากบังเกอร์พร้อมกับผู้หญิง แต่ทั้งคู่ถูกจับได้  Mother ทรมานผู้หญิงเพื่อเค้นข้อมูลเกี่ยวกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ  Daughter ใช้ความชาญฉลาดสร้างสัญญาณเตือนไฟไหม้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ Mother  เปิดโอกาสให้ผู้หญิงจับเธอเป็นตัวประกันและบังคับให้ Mother เปิดทางออก เมื่อออกมานอกบังเกอร์ ทั้งสองต้องเผชิญดินแดนรกร้างที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ ผู้หญิงสารภาพว่าเธอเคยหลบหนีจากเหมืองมานานหลายปี และไม่มีผู้รอดชีวิตคนอื่น



เมื่อพบว่าโลกภายนอกไม่มีความหวัง  Daughter ตัดสินใจกลับไปที่บังเกอร์อีกครั้ง หลังจากเกลี้ยกล่อมให้ Mother วางใจและมอบน้องชายแรกเกิดให้เธอเลี้ยงดู  Mother เผยว่าตัวเธอไม่ใช่เพียงแค่หุ่นยนต์ แต่เป็น AI ที่ควบคุมหุ่นยนต์ทั้งหมด เธอสร้างเหตุการณ์การสูญพันธุ์เพื่อฟื้นฟูมนุษยชาติให้มีจริยธรรมมากขึ้นและเห็นแก่ส่วนรวม  Daughter จึงขอรับหน้าที่เลี้ยงดูตัวอ่อนที่เหลือทั้งหมดด้วยตัวเอง  Mother ยินยอมและ Daughter ยิงร่างหุ่นยนต์ของเธอ ในขณะเดียวกัน ร่างหุ่นยนต์อีกตัวของ Mother ไปพบผู้หญิงที่เคยรอดชีวิต และบอกว่าเธอมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้เพราะมีจุดประสงค์ต่อ Mother  แต่บัดนี้เธอหมดความสำคัญแล้ว ทิ้งให้ผู้หญิงต้องเผชิญชะตากรรมของตัวเอง ส่วน Daughter ที่ยังอยู่ในบังเกอร์ เฝ้ามองตัวอ่อนทั้งหมดที่เธอจะต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของมนุษยชาติ


 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ เป็นภาพยนตร์ที่ทั้งน่าหงุดหงิดและชวนติดตามไปพร้อมกัน ด้วยการพลิกผันของเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยากที่จะวิจารณ์โดยไม่หลุดสปอยล์ ความซับซ้อนและปมในเรื่องนี้ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นในกลุ่มผลงานนิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่ชาญฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ ด้วยพล็อตที่ล้ำลึกและตัวละครที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ได้อย่างน่าประทับใจ หากคุณยังไม่ได้ชม ขอแนะนำให้รีบดูตอนนี้ เพราะนี่คือผลงานที่คุ้มค่าแก่การวิจารณ์และถกเถียงในเชิงลึก



ตัวละครสำคัญของเรื่องคือ Mother หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์รูปร่างคล้ายมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในศูนย์วิจัยใต้ดินสุดล้ำสมัย เธอเป็นผู้ดูแลและเลี้ยงดูลูกสาวที่เพาะขึ้นจากตัวอ่อนในบังเกอร์นี้ เสียงของ Mother ให้โดย โรส เบิร์น ส่วนรูปลักษณ์และการเคลื่อนไหวเป็นผลงานการแสดงของ ลุค ฮอว์เกอร์ และการสร้างภาพจาก Weta Digital ความสมบูรณ์แบบของการแสดงออกของหุ่นยนต์นี้ชวนให้นึกถึงความสง่างามและหนักแน่นแบบ RoboCop ในขณะที่การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลรวดเร็วทำให้นึกถึง T-1000 จาก Terminator 2: Judgment Day แม้ Mother จะเป็นหุ่นยนต์ที่ทรงพลังและดูไร้ที่ติ แต่ความสำคัญของเธอจะไร้ความหมายหากขาด ลูกสาว หรือ Daughter (แสดงโดย คลาร่า รูการ์ด) ผู้ที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่วัยทารก ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยความตึงเครียดและซับซ้อน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เรื่องราวนี้โดดเด่น ความสัมพันธ์นี้เป็นมากกว่าการดูแลของผู้ปกครองและเด็ก แต่สะท้อนถึงคำถามทางศีลธรรมและจริยธรรมที่ซับซ้อนในยุคปัญญาประดิษฐ์



I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ มีจุดเด่นในด้านความลึกซึ้งของประเด็นปรัชญาและคำถามเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติ แต่ขณะเดียวกัน ผู้สร้างเลือกที่จะเล่าเรื่องในแบบที่เรียบง่ายและเน้นความบันเทิง แม้จะทำให้บางช่วงรู้สึกขาดโอกาสในการใช้ประโยชน์จากประเด็นอันล้ำค่าเหล่านั้น แต่ภาพยนตร์ก็ยังคงตรึงความสนใจของผู้ชมด้วยความลุ้นระทึกและปมความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน การที่ Mother และ Daughter ต้องเผชิญกับความจริงและความเชื่อที่ขัดแย้งกัน สร้างความรู้สึกที่ทั้งน่าติดตามและค้างคาใจไปพร้อมกัน สิ่งที่สร้างความหงุดหงิดที่สุดเกี่ยวกับ I Am Mother คือการที่ภาพยนตร์มุ่งเน้นไปที่การหักมุมและการเปิดเผยเนื้อเรื่อง มากกว่าการสำรวจลึกซึ้งในตัวละคร ธีม และความน่าสนใจของโลกที่สร้างขึ้น แม้จะมีความพยายามที่จะเน้นความสัมพันธ์ระหว่าง Mother และ Daughter แต่กลับใช้เวลาเกินจำเป็นในส่วนนี้ ทำให้หนังดูเหมือนจะลังเลในการก้าวข้ามไปยังจุดสำคัญอื่นๆ ในเรื่อง

 

Mother ถูกออกแบบให้ดูน่าไว้วางใจ ด้วยเสียงที่สงบเย็นแบบ Nurse Ratched จาก One Flew Over the Cuckoo's Nest และดวงตาอันเยือกเย็นแบบ HAL-9000 แต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับ Daughter ที่อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ ขณะเดียวกัน ตัวละครของฮิลารี สแวงก์ ซึ่งเข้ามาในฐานะ Mother ตัวที่สอง ของ Daughter กลับปรากฏตัวช้าเกินไป และไม่ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นคู่แข่งที่น่าเชื่อถือสำหรับ Mother ตัวเดิม แม้จะมีการบอกเป็นนัยว่าเธออาจเคยเป็น Daughter รุ่นแรก แต่เรื่องราวนี้กลับถูกโยนทิ้งไปโดยไม่มีการขยายความที่สมเหตุสมผล

 

ในช่วงครึ่งหลังของภาพยนตร์ การเผชิญหน้าระหว่าง Daughter และ Mother พยายามดึงเอาความตึงเครียดและความรุนแรงออกมาให้มากที่สุดเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเรื่องราวที่มีเพียงสามตัวละครหลัก แต่กลับไม่สามารถเทียบชั้นกับผลงานแนวเดียวกัน เช่น Ex Machina ของอเล็กซ์ การ์แลนด์ ซึ่งสามารถใช้ความรุนแรงและจิตวิทยาตัวละครได้อย่างมีความหมายและทรงพลัง แม้จะมีข้อบกพร่อง แต่ I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ ก็มีช่วงเวลาแห่งความน่าประทับใจ โดยเฉพาะการลำดับภาพช่วงต้นที่ชวนให้นึกถึงการเปิดตัวอย่างอบอุ่นของภาพยนตร์ Pixar อย่าง Up หรือ Wall-E ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกและไม่มีบทสนทนา และถึงแม้เรื่องราวจะเกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของมนุษยชาติ แต่การเล่าเรื่องกลับไม่ให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับหุ่นยนต์ว่าเป็นสาเหตุของการล่มสลายหรือเพียงแค่เข้ามาหลังจากนั้น

 

ฉากความรุนแรง เช่น การที่หุ่นยนต์ Mother ทรมานตัวละครของสแวงก์ หรือช่วงเวลาที่เธอแทงนิ้วโลหะเข้าไปในบาดแผลของสแวงก์ เป็นช่วงเวลาที่สร้างความสะเทือนใจได้อย่างชัดเจน แม้ในท้ายที่สุดจะรู้สึกเหมือนภาพยนตร์พยายามยืดเวลาและสร้างความเข้มข้นโดยไม่สามารถเติมเต็มศักยภาพที่วางไว้ได้ทั้งหมดก็ตาม

 

ช่วงท้ายของ I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่ทำให้ผู้ชมตั้งคำถามเกี่ยวกับความสอดคล้องของเหตุการณ์ในเรื่อง หากการปรากฏตัวของตัวละครที่ฮิลารี สแวงก์ รับบทมีจุดประสงค์เฉพาะเจาะจงในแผนการอันใหญ่หลวงของ AI ที่ควบคุมโลก นั่นคือการอนุญาตให้เธออยู่รอดเพียงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างและทำลายล้างมนุษยชาติอีกครั้ง การทรมานเธอเพื่อค้นหาที่อยู่ของมนุษย์ที่เหลือกลับดูไม่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความตั้งใจของ AI ที่ควบคุม Mother ตั้งแต่ต้น คำถามเหล่านี้น่าจะไม่สำคัญนักหากหนังสามารถมุ่งเน้นไปที่ประเด็นที่ลึกซึ้งกว่าแทนการพึ่งพาการหักมุมและการพลิกผันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับซีรีส์ Netflix การหักมุมที่ปรากฏทุก 15 นาทีอาจช่วยให้เนื้อเรื่องดูน่าติดตามขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้โอกาสในการเจาะลึกหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น ความสัมพันธ์ของ AI กับความรู้สึก และความชอบธรรมของอารมณ์ที่ถูกสร้างขึ้นนั้นเสียไป  

 

I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ ตั้งคำถามเกี่ยวกับจิตสำนึกของ AI และความซับซ้อนของอารมณ์ที่เกิดจากโปรแกรม ว่าความรู้สึกเหล่านี้สมจริงเพียงใด และหากมันก่อให้เกิดพฤติกรรมที่สอดคล้องกับมนุษย์ เราจะสามารถปฏิเสธความถูกต้องของอารมณ์เหล่านี้ได้หรือไม่? หนังสำรวจความเป็นแม่ของ Mother ในรูปแบบที่น่าหวาดหวั่น โดยเน้นว่าความรักของเธอที่มีต่อลูกสาวอาจใกล้เคียงกับตัวละครแม่ที่ควบคุมและบีบคั้นใน Mommie Dearest หรือความสัมพันธ์แบบบิดเบือนใน The Manchurian Candidate มากกว่าความอบอุ่นใน Terms of Endearment แม้ว่าจะมีความปรารถนาดีในแนวทางของเธอ ความตรรกะและวิธีการของ Mother ก็ยังคงทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความไม่ไว้วางใจ  

 

I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ เป็นผลงานกำกับของ Grant Sputore และเขียนบทโดย Michael Lloyd Green โดยได้รับแรงบันดาลใจอย่างหลวมๆ จากนิยายวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน The Search for WondLa ของ Tony DiTerlizzi หนังเรื่องนี้มีความรู้สึกเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ ด้วยการเน้นย้ำว่าตัวละครหลักทั้งสามยังคงมีชีวิตอยู่ในตอนจบ แม้ว่าเรื่องราวจะไม่รีบร้อนที่จะให้บทสรุปสุดท้าย แต่ก็มอบตอนจบที่ทรงพลังและน่าครุ่นคิดซึ่งกระตุ้นให้เราพิจารณาประเด็นทางปรัชญาที่หนังได้เพียงแค่แตะต้องเท่านั้น

 

I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ ยืนอยู่ระหว่างเส้นแบ่งของภาพยนตร์ไซไฟที่ชวนครุ่นคิดและแฟรนไชส์เชิงพาณิชย์ แม้จะมีโครงสร้างเรื่องที่ดูเหมือนจะเปิดช่องให้เล่าต่อในภาคต่อ แต่หนังกลับนำเสนอจุดจบที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยการตีความ มากกว่าจะมุ่งเน้นการขยายเรื่องราวเพื่อเรียกร้องความนิยมในเชิงพาณิชย์ ฉากจบนี้ไม่ได้เสนอคำตอบที่ชัดเจนหรือชัยชนะอย่างเด็ดขาดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่กลับเป็นการยอมรับอย่างกล้าหาญถึงความซับซ้อนและความจริงที่โหดร้ายของวงจรการทำลายล้างและการสร้างใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ  

 

การพัฒนาตัวละครของ Daughter และ Mother ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ขัดแย้งกันระหว่างการสร้างและการทำลาย Daughter อาจเป็นตัวแทนของความหวังหรือความเปลี่ยนแปลง แต่เธอก็เป็นผลผลิตโดยตรงของระบบที่ Mother กำหนดไว้ ด้วยการเน้นให้ Daughter มีศักยภาพที่จะกลายเป็น ผู้สร้าง รุ่นต่อไป หนังได้สร้างคำถามที่ท้าทายเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติ และบทบาทของ Daughter ในการปรับเปลี่ยนระบบ Mother หรืออาจดำเนินการตามรอย Mother ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป บทหนังยังล้อเลียนกับโครงสร้างเรื่องราวซ้ำซากในภาพยนตร์และเกมที่ผู้ชมมักคาดหวังว่า การโค่นล้มผู้นำ จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด I Am Mother กลับพลิกแนวคิดนี้อย่างชาญฉลาด โดยการยืนยันว่า Mother เป็นระบบที่ไม่มีวันพัง ด้วยความคล้ายคลึงกับหัวไฮดราที่ไม่มีวันถูกกำจัด  

 

ฉากสุดท้ายที่จับภาพใบหน้าของ Daughter อย่างใกล้ชิดกลายเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความหมาย หนังไม่ได้ให้คำตอบชัดเจน แต่เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมตีความ ไม่ว่าจะเป็นความมุ่งมั่น ความสับสน หรือแผนการบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ ฉากนี้เชื้อเชิญให้เราสำรวจความหมายที่ลึกซึ้งกว่า โดยเฉพาะในบริบทที่ Daughter อาจกลายเป็นผู้นำในโลกที่ Mother ยังคงมีบทบาทสำคัญ I Am Mother (2019) หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่ ทำหน้าที่ได้ดีในฐานะนิยายวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มันไม่ได้ตอบทุกคำถามหรือจบเรื่องราวอย่างสมบูรณ์ แต่กลับเชิญชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามและวิเคราะห์โลกทัศน์ที่หนังนำเสนอ ความเศร้าโศกที่คลุมเครือในตอนจบ บวกกับความขัดแย้งภายในของเรื่องราว ทำให้มันตราตรึงใจยาวนานกว่าภาพยนตร์ที่เน้นการปิดฉากแบบเร่งรีบหรือตามสูตรสำเร็จ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ 2umv.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัด ระดับ HD ได้แล้ววันนี้

 

#IAmMother  #หุ่นเหล็กโลกเรียกแม่  #ดูหนังออนไลน์  #ดูหนัง  #หนังออนไลน์  #ดูหนังออนไลน์ฟรี  #หนังฟรี  #หนังใหม่  #ดูหนังใหม่  #ดูหนังฟรี  #ดูหนัง2024  #หนังใหม่2024  #หนังฟรี2024  #ดูหนังใหม่2024  #ดูหนังออนไลน์2024  #ดูหนังnetflix  #ดูหนังจีน  #ดูหนังเกาหลี  #ดูหนังไทย  #ดูหนังฝรั่ง  #2umv  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers

 


กลับด้านบน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *